คดีปกครอง รถยนต์ตกท่อระบายน้ำ บริษัทรับ ประกันภัยรถยนต์ ฟ้อง​ให้รับผิด

รถยนต์ตกท่อระบายน้ำ บริษัทรับ ประกันภัยรถยนต์ ฟ้องหน่วยงานทางปกครองรับผิด ปล่อยปละละเลย​ไม่ดแลให้ถนนอยู่ในสภาพใช้การได้โดยปลอดภัย

ประชาสัมพันธ์โดย : ทูเดย์อินชัวร์ดอทคอม ศูนย์รวม ประกันภัยรถยนต์ มากกว่า 3,000 รายการ,
ประกันภัยรถยนต์ชั้น1, ประกันภัยรถยนต์ชั้น3 ประกันภัยรถยนต์หลากหลายรุ่นให้เลือก
ข้อมูล : http://www.todayinsure.com/index.php?ui=news&tag=corp&interface=detail&id=637

เหตุแห่งการฟ้องคดีนี้​เกิดจากลูกจ้างของบริษัท ม. จำกัด ​ได้ขับรถยนต์ไปบนถนนหลวง​และรถยนต์ตกท่อระบายน้ำที่มีฝาท่อระบายน้ำถูกเปิดออก ​ทำให้รถยนต์ได้รับความเสียหายหลายรายการ ​ผู้ฟ้องคดีในฐานะบริษัทผู้รับ ประกันภัยรถยนต์ คันดังกล่าว ​จึงได้ซ่อมแซมรถยนต์ให้อยู่ในสภาพใช้งานได้ดังเดิม ​และเข้ารับช่วงสิทธิจากบริษัท ม. จำกัด ​เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายในการซ่อมแซมรถยนต์ ​โดยนำคดีมาฟ้องเพื่อขอให้ศาลปกครองมีคำพิพากษา ​ให้ผู้ถูกฟ้องคดี (กรมทางหลวง) ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนดังกล่าว ​ผู้ถูกฟ้องคดีต่อสู้ว่า​แม้ถนนบริเวณที่เกิดเหตุจะเป็นเขตทางหลวงแผ่นดิน ที่อยู่ในความรับผิดชอบของผู้ถูกฟ้องคดี ​แต่ได้มอบพื้นที่ให้กรมโยธาธิการ (​หรือกรมทางหลวงชนบท (ปัจจุบัน) รับไปดูแลตามโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ​และอุบัติเหตุเกิดจากความประมาทของผู้ขับขี่ ที่ขับรถด้วยความเร็วสูง​และไม่ใช้ความระมัดระวัง สังเกตดูทางข้างหน้า ​ซึ่งจะเห็นได้ชัดว่าฝาท่อระบายน้ำเปิดออก ​และจำนวนค่าเสียหายที่เรียกร้องก็สูงเกินกว่าความเป็นจริง

คดีนี้มีประเด็นที่น่าสนใจ คือ ประเด็นแรก คือ ​ผู้ถูกฟ้องคดีละเลยต่อหน้าที่​หรือไม่ ​และการที่รถยนต์เกิดอุบัติเหตุ ถือเป็นการละเมิดต่อผู้ฟ้องคดี​หรือไม่ ? มีข้อกฎหมายสำคัญ คือ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 บัญญัติว่า

“​ผู้ใดจงใจ​หรือประมาทเลินเล่อ ​ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมาย​ให้เขาเสียหายแก่ชีวิตก็ดี ​แก่ร่างกายก็ดี ทรัพย์สิน ​หรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิด จำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน​เพื่อการนั้น” ​

และพระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ.2535 มาตรา 5 วรรคหนึ่ง กำหนดให้กรมทางหลวงมีภารกิจเกี่ยวกับ​การก่อสร้างและบำรุงรักษาทางหลวง​เพื่อให้ประชาชนมีความสะดวก รวดเร็ว ​และปลอดภัยในการเดินทาง ​โดยให้มีอำนาจหน้าที่ในการบำรุงรักษาทางหลวง

ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า ถนนบริเวณที่เกิดเหตุ​เป็นเขตทางหลวงแผ่นดิน ​ซึ่งเป็นหน้าที่ของผู้ถูกฟ้องคดีตามกฎหมาย ที่ต้องตรวจตรา​และดูแลรักษาถนนให้อยู่ในสภาพเรียบร้อย​ใช้งานได้อย่างปลอดภัย ​เมื่อปรากฏว่าบริเวณที่เกิดเหตุ ​ไม่มีไฟส่องสว่าง​และไม่มีสัญญาณ​หรือเครื่องหมายใดๆ ที่แจ้งเตือนในระยะห่างพอสมควร ​และไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนในเวลากลางคืน ​ทั้งไม่ปรากฏว่าลูกจ้างของบริษัท ม. จำกัด ​ได้ขับรถด้วยความประมาทเลินเล่อ ​จึงรับฟังไม่ได้ว่า ​ผู้ถูกฟ้องคดีได้ปฏิบัติหน้าที่​ในการบำรุงรักษาทางหลวง​และติดตั้งเครื่องหมายสัญญาณเตือนความปลอดภัย ​ในการขับขี่อย่างเพียงพอ​จึงถือได้ว่า อุบัติเหตุและความเสียหาย​เกิดจากการละเลยต่อหน้าที่ของผู้ถูกฟ้องคดีตามที่กำหนดไว้​ในมาตรา 5 วรรคหนึ่ง (2) ​แห่งพระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ.2535 ​และข้อ 1 ของกฎกระทรวง​แบ่งส่วนราชการกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม พ.ศ.2545 อันเป็นการกระทำละเมิดต่อเจ้าของ​หรือผู้ครอบครองรถยนต์

​ผู้ถูกฟ้องคดี​จึงต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน​ให้แก่​ผู้ฟ้องคดีในฐานะผู้รับ ประกันภัยรถยนต์ ​ซึ่งได้รับช่วงสิทธิมาจากบริษัท ม. จำกัด ตามมาตรา 880 วรรคหนึ่ง ​แห่งประมวลกฎหมายแพ่ง​และพาณิชย์ (ถ้าความวินาศภัยนั้นได้เกิดขึ้น​เพราะการกระทำของบุคคลภายนอกไซร้ ​ผู้รับ ประกันภัยรถยนต์ ​ได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนไปเป็นจำนวนเพียงใด ​ผู้รับ ประกันภัยรถยนต์ ย่อมเข้ารับช่วงสิทธิของผู้เอา ประกันภัยรถยนต์​ และของผู้รับประโยชน์​ซึ่งมีต่อบุคคลภายนอกเพียงนั้น) ​การที่ผู้ถูกฟ้องคดีได้มอบพื้นที่เกิดเหตุ​ให้แก่กรมโยธาธิการเพื่อก่อสร้าง​และต่อมากรมโยธาธิการได้โอนงาน ​และมอบพื้นที่ให้กรมทางหลวงชนบทแล้ว​ก็เป็นเรื่องการดำเนินการภายในระหว่างหน่วยงานด้วยกัน ​จึงไม่อาจนำมาใช้ยันผู้ฟ้องคดี​ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกได้

ประ​เด็นที่สอง ​ผู้ถูกฟ้องคดีจะต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพียงใด? ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า ​การที่รถยนต์ได้รับความเสียหายหลายรายการ​และผู้ฟ้องคดีได้เสนอเอกสารหลักฐานตามใบเสนอราคา​และใบเสร็จรับเงิน ​ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมรถยนต์ที่เสียหายตามความเป็นจริง ประกอบกับผู้ถูกฟ้องคดีไม่ได้แสดงให้ศาลเห็นว่า ค่าเสียหายรายการใดบ้างที่สูงเกินความจริง ​และค่าเสียหายที่แท้จริงควรเป็นจำนวนเท่าใด ศาลจึงกำหนดจำนวนค่าสินไหมทดแทน ให้ตามเอกสารหลักฐานที่ผู้ฟ้องคดีแสดงต่อศาล พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าว นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จ (คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ. 359/2555)

คดีนี้นอกจากจะเป็นอุทาหรณ์ที่ดี สำหรับหน่วยงานทางปกครอง​ซึ่งมีหน้าที่ในการดูแลและบำรุงรักษาทางสาธารณะ ​ทั้งที่เป็นทางบก​หรือทางน้ำ ที่จะต้องหมั่นดูแล​และตรวจสอบทางสาธารณะ​ให้อยู่ในสภาพใช้งานได้โดยปลอดภัยอยู่เสมอ ​เพราะหากปล่อยปละละเลย​ไม่ทำหน้าที่ จนทำให้ผู้ที่สัญจรไปมาได้รับความเสียหายในชีวิตร่างกาย​หรือทรัพย์สิน​ก็จะต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ให้แก่ผู้ที่ได้รับความเสียหาย ​

โดยเฉพาะคดีนี้อาจมีปัญหาข้อสงสัยว่า บริษัทผู้รับ ประกันภัยรถยนต์ ที่ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้เอา ประกันภัยรถยนต์​ ไปแล้ว จะมีอำนาจฟ้องคดีต่อศาล​เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนได้หรือไม่? ​เนื่องจากไม่ใช่ผู้ที่ได้รับความเสียหายโดยตรง ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า ​ผู้รับ ประกันภัยรถยนต์​ เป็นผู้ที่ได้รับช่วงสิทธิจากผู้เอา ประกันภัยรถยนต์ ​ในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน ​จึงเป็นผู้ได้รับความเดือดร้อน​หรือเสียหายจากการกระทำของกรมทางหลวง​และมีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลปกครองครับ

ที่มา : อาร์วายทีไนน์


หมวดประกันภัยรถยนต์อื่น ที่สามารถเลือกซื้อได้

  • ประกันภัยรถยนต์ชั้น1
  • ประกันภัยรถยนต์ 2 พลัส
  • ประกันภัยรถยนต์ 3 พลัส
  • ประกันภัยรถยนต์ชั้น3

 วิริยะประกันภัย   กรุงเทพประกันภัย   สินมั่นคงประกันภัย   อาคเนย์ประกันภัย   เมืองไทยประกันภัย 

The post คดีปกครอง รถยนต์ตกท่อระบายน้ำ บริษัทรับ ประกันภัยรถยนต์ ฟ้อง​ให้รับผิด appeared first on Thai Car Insurance.